นายกอบศักดิ์ สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มีการออกมาเปิดเผยถึงมาตรการ “รถเก่า แลก รถใหม่” ของรัฐบาลว่า ตัวมาตรการน่าจะได้ข้อสรุปไม่เกินภายใน 15 วัน โดยตัวมาตรการดังกล่าวเป็นการส่งต่อผ่านกันมาจากหลายหน่วยงาน เพื่อทำการกระตุ้นความต้องการรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น พร้อมส่งเสริมให้มีการเปลี่ยนเป็นรถยนต์สมัยใหม่อีกด้วย
นอกจากนี้ นายกอบศักดิ์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า
โดยมาตรการนี้ยังอยู่ในช่วงของการบรูณาการร่วมกันของหลาย ๆ หน่วยงานที่จะให้มีการประชุมต่อเนื่องในการขับเคลื่อนต่อไป ว่าจะมีการดำเนินการในระยะที่ 2 หรือไม่ รถเก่าที่มาเข้าร่วมมาตรการจะต้องมีอายุการใช้งานเท่าไหร่ และในแต่ช่วงอายุรถจะเปิดให้รับแลกได้เท่าไหร่ และมีมากน้อยเพียงใด
ในส่วนสุดท้ายก็คือ การอุดหนุนด้านภาษี ก็ได้มีการยืนยันว่าทางรัฐบาลไม่ได้เสียผลประโยชน์ในการจัดเก็บรายได้จากภาษี เพราะจะให้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ขณะที่ภาษีสรรพสามิตก็คงให้มีการจัดเก็บจากตัวรถยนต์ต่อไป ทางด้านของการจัดการกับรถยนต์เก่านั้น ทางค่ายรถ หรือผู้ที่สนใจก็จะต้องมีการอุดหนุนในส่วนนี้ด้วยตนเอง
ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการเปิดให้มีการขอสินเชื่อ ในการซื้อที่อยู่อาศัยไม่เกิน 2,000,000 บาท โดยจะมีภาระจ่ายค่างวดเฉลี่ยอย่างต่ำเพียง 2,000 บาทต่อเดือน ที่ถือว่าถูกกว่าค่าเช่าที่อยู่อาศัยทั่วไป และจะมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2% นาน 2 ปีแรก
คุณสมบัติผู้เข้าโครงการก็มีประมาณนี้
ผู้กู้หลัก (พ่อ-แม่) ต้องมีอายุไม่เกิน 55 ปี
ผู้กู้ร่วม (ลูก) อายุ 18 ปีขึ้นไป โดยผู้กู้ต้องไม่มีภาระกู้สินเชื่อบ้านและเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ทั้ง กยศ.เเละ กรอ.
นำอายุลูกมากู้ร่วมจะส่งผลให้ผู้กู้สามารถขยายระยะเวลาผ่อนชำระได้ จากปัจจุบันสูงสุด 40 ปี เพิ่มเป็นนานสูงสุด 70 ปี
ในส่วนของมาตรการชำระหนี้นั้น ทางธนาคารมีมาตรการด้วยกัน 10 ชุดมาตรการ โดยคาดว่าจะมีมูลค่าหนี้มากกว่า 275,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้พบว่าอาจจะมีลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระได้ตามปกติ ประมาณ 8-9% หนี้ทั้งหมด จึงต้องมีการสำรองให้ครบตามเกณฑ์ที่แบงค์ชาติได้มีการกำหนดไว้แล้ว
โดยการขายนั้น เป็นการดำเนินการผ่านกระดานซื้อขายหลักทรัพย์รายใหญ่ (Big Lot) ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเบื้องต้นจะทำการขายในบางส่วนเป็นจำนวน 90.50 ล้านหุ้น ตั้งราคาขายอยู่ที่ 103 บาทต่อตัว คิดเป็นมูลค่าขายทั้งหมดอยู่ที่ 9,321.5 ล้านบาท
และจะมีการขายเพิ่มเติมในวันที่ 26 พ.ย. 2563 อีก 90,215,806 หุ้น ตีเป็น 11.34% โดยคาดว่าจะทำการซื้อขายเสร็จสิ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2563
คลังแจงข่าวกู้เงินเพิ่ม 3 ล้านล้าน 2564 ไม่เป็นความจริง
กู้เงิน 3 ล้านล้าน – นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ ขอชี้แจงว่าข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ ในแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจำปีงบประมาณ 2564 จะมีรายการก่อหนี้ใหม่ จำนวน 1.47 ล้านล้านบาท ประกอบด้วย การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 623,000 ล้านบาท การกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้แผนงานตามพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2563 จำนวน 550,000 ล้านบาทการกู้เงินเพื่อสนับสนุนการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจเพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง จำนวน 133,657 ล้านบาท และการกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่รัฐบาล และรัฐวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จำนวน 158,782 ล้านบาท ทั้งนี้ ในภาวะวิกฤติที่เกิดขึ้นในปัจจุบันการกู้เงินเพื่อการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นกลไกสำคัญ และเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ผ่านวิกฤตการณ์ดังกล่าวไปได้
สำหรับแผนการบริหารหนี้เดิม จำนวน 1.28 ล้านล้านบาท เป็นการปรับโครงสร้างหนี้เก่าที่ครบอายุ เพื่อให้การบริหารหนี้สาธารณะอยู่ในกรอบต้นทุนและความเสี่ยงที่เหมาะสม โดยไม่ได้เป็นการเพิ่มยอดหนี้ใหม่แต่อย่างใด
ทั้งนี้ บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agencies) ระดับสากล ได้แก่ S&P Moody’s และ Fitch ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เนื่องจากประเทศไทยมีภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) ที่แข็งแกร่งเป็นผลจากการบริหารจัดการทางการคลังอย่างรอบคอบและรักษาวินัยทางการคลัง โดยประมาณการสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ ปี 2564 ยังคงอยู่ภายใต้กรอบวินัยทางการคลังซึ่งกำหนดไว้ไม่เกินร้อยละ 60
อย่างไรก็ดี การนำเข้า เผยแพร่ หรือส่งต่อข้อมูลที่บิดเบือน ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
ดังนั้นเราจะไม่รอความหวังจากวัคซีนอย่างเดียว ถึงแม้จะมีการให้วัคซีน มาตรการอย่างอื่นในการควบคุมโรคยังจะต้องเป็นเหมือนเดิมในปีนี้ ใส่หน้ากาก ล้างมือ และ กำหนดระยะห่างของบุคคล”
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป